หนึ่งในตำนานรัก

ผมได้พบรักกับหญิงชาวพุทธคนหนึ่ง...
และเธอก็ได้พบรักกับองค์พระเยซูคริสต์ 

นับเป็นเวลาหลายปีทีเดียวที่ผมได้พบรักกับสาวเวียดนามคนหนึ่งชื่อฮอง นับเป็นพระพรสำหรับผมจริงๆ เพราะเธอเป็นหญิงที่ดีพร้อมทุกอย่าง เราอยู่ใกล้ชิดไม่ยอมเหินห่างจากกันเลย เธองดงามทั้งกายวาจาใจ เราใช้ชีวิตคู่กันอย่างเต็มที่และมีความสุขที่สุดตลอดช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน  

ฮองนึกใฝ่ฝันอยู่เสมอที่จะมีเวลาวันหยุดพักผ่อนของครอบครัวพร้อมกับลูกๆที่น่ารักทั้งสองของเธอ ในที่สุดฝันของเราก็เป็นจริงในเดือนกรกฏาคม 2011 เราได้ไปท่องเรือสำราญคาริบเบียนตอนใต้ แต่หลังจากกลับจากการท่องเที่ยวที่แสนสนุกนั้น เธอรู้สึกไม่สบายด้วยอาการไออย่างต่อเนื่อง หมอวิเคราะห์เบื้องต้นว่าเป็นปอดบวม แต่หลังจากเข้าๆออกๆกับการหาหมอเป็นเวลาหลายอาทิตย์ เธอก็ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล หลังจากพักอยู่ได้สิบวัน คือในวันที่ 15 กันยายน 2011 แพทย์ก็รายงานว่าเธอเป็นโรคมะเร็งปอดระยะที่สี ระยะสุดท้าย แม้เธอจะไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน ข่าวนี้ทำให้เราทั้งสองตกตะลึงเป็นอย่างมาก เธอต้องเข้าสู่ขบวนการรักษาด้วยเคมีบำบัดในทันที จากนั้นผมก็พาเธอกลับไปพักผ่อนต่อที่บ้าน ไม่นานนักเราก็ได้เชิญสามีภรรยาคริสเตียนคู่หนึ่งให้มาเยี่ยม เมื่อเขาพบว่าฮองเป็นพุทธศาสนิกชนมาตลอดชีวิต ยังไม่ได้มีความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า เขาก็ได้เจาะจงอธิษฐานเพื่อขอให้พระเยซูทรงสำแดงให้ฮองได้รู้จักกับพระองค์โดยเร็วที่สุด 

หลายสัปดาห์ต่อมา ผมจึงเริ่มได้รับการตอบคำอธิษฐาน ฮองเริ่มมีประสบการณ์พบการสำแดงจากพระเยซูคริสต์ เมื่อใดที่ใครอธิษฐานถึงเธอทั้งบ้านหรือที่โรงพยาบาล เธอจะกล่าวว่า “ฉันรู้สึกว่าพระเยซูมาหา” นั่นเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยมีมาก่อน ในบางขณะเธอก็พูดว่า “ฉันรู้สึกว่าเหมือนว่าพระเยซูกำลังโอบกอดล้อมรอบฉันอยู่ แล้วจะให้ฉันทำอย่างไรดีนี่” ผมจึงรีบตอบเธอว่า ให้เธอพูดกับพระองค์เลย พูดเหมือนกับเธอพูดกับผม สิ่งเดียวที่เธอจำเป็นต้องทำคือออกพระนามของพระองค์ จะได้ใกล้ชิดพระองค์มากยิ่งขึ้น 

ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2011 ฮองได้เล่าให้ผมฟังว่า เธอได้แจ้งให้คุณแม่รวมทั้งพี่น้องและเพื่อนฝูงทุกคนของเธอทราบแล้วว่าเธอต้องการจะมีชีวิตอยู่เพื่อพระเยซูคริสต์ ในวันนั้นเอง เธอก็ได้ยอมรับพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด และประกาศตนเป็นคริสเตียน ซึ่งแตกต่างจากความเชื่อของศาสนาเดิมที่เธอและครอบครัวในเวียดนามได้นับถือต่อๆกันมา ฮองต้องการพระเยซูคริสต์มิใช่เพราะเธอกลัวความพินาศชั่วนิรันดร์ แต่เพราะเธอได้พัฒนาความรักในองค์พระเยซูคริสต์ และมีประสบการณ์ใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น นับจากวันนั้นมา ความรักในพระเยซูคริสต์ได้เติบโตแข็งแรงขึ้นทุกวัน เธอรักและเทิดทูนพระองค์เป็นจอมราชันกษัตริย์เหนือกษัตริย์ เป็นพระผู้เป็นเจ้าเหนือพระอื่นใดทั้งปวง

บ่อยครั้งที่ผมตื่นขึ้นในตอนเช้าได้ยินเธอพูดกับพระเยซู เธอสรรเสริญพระนามของพระองค์ และกล่าวว่า “ฉันขอบพระคุณพระองค์จริงๆ” “พระองค์ทรงดีเลิศประเสริฐยิ่งต่อฉัน” “ขอบพระคุณพระเยซู” เธอเล่าให้ผมฟังว่าเธอไม่มีทางที่จะสามารถต่อสู้ชีวิตตรงนี้ไปได้เลยถ้าไม่มีพระเยซู ผมเลยบอกคนไปทั่วว่า ถ้าใครอยากจะได้รู้สึกสัมผัสกับองค์พระเยซู ให้มาที่บ้านนี้ เพราะว่าพระองค์กำลังสำแดงพระองค์อยู่กับเธอในบ้านของเรา ช่วงนั้นเธอสามารถถ่ายทอดความรู้สึกสัมผัสต่อการสำแดงตนของพระองค์ได้อย่างชัดเจนมาก 
ช่วงอาทิตย์สุดท้ายของเธอบนโลกนี้ เธอยังได้ประกาศย้ำคำพูดของเธอว่า “ฉันรักพระเยซู” ถ้าพูดถึงพระเยซูทีไร เธอจะยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาทันที และนำความหนุนใจมาให้คนรอบข้างเสมอ เมื่อใดที่ผมได้ยินเธอพูดว่า “ฉันรักพระเยซู” มันทำให้ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่คำพูดที่คริสเตียนทั่วไปพูดพอเป็นพิธีหรือเปล่งออกมาด้วยความเคยชิน แต่เป็นคำพูดที่สำแดงถึงสัมพันธภาพอันลึกซึ้งที่เพิ่มขึ้นระหว่างเธอเองกับพระเยซู ความรักที่ฮองมีต่อพระองค์นั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธออย่างสิ้นเชิง เธอมุ่งมั่นรักพระองค์อย่างแท้จริง ทุกคนรอบข้างก็เห็นเป็นพยานเช่นนั้น

เมื่อมาถึงช่วงเวลาที่เธออ่อนแรงที่สุด เธอจะมีพลังขึ้นมาทันทีที่เอ่ยพระนามพระเยซู วันหนึ่งก่อนที่เธอจะจากไปพบกับพระเยซูต่อหน้าพระพักตร์พระองค์ ผมได้เอ่ยถึงชื่อของเพลงนมัสการเก่าเพลงหนึ่งชื่อ “ปกป้องคุ้มภัยอยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้า” และเมื่อผมอ่านถึงคำว่า “ฉันจะไม่กลัวสิ่งใดเลย เพราะพระเยซูทรงดำเนินข้างเคียงฉัน” ใบหน้าของเธอก็พลันเปล่งปลั่งสดใสด้วยความยินดีมีสันติสุขขึ้นมาทันที ซึ่งจะเป็นอื่นใดไม่ได้นอกจากมาจากพระเจ้าเท่านั้น อีกสองสามวันต่อมาทุกคนที่ล้อมรอบเธออยู่นั้นต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ฮองเชื่อว่าเธอได้เห็นทูตสวรรค์จริงๆ เพราะเธอใช้นิ้วชี้ไปอย่างเจาะจง และพยายามบอกทุกคนว่าเธอกำลังเห็นอะไรอยู่ คืนก่อนวันที่เธอจากไปอยู่กับพระเยซู ฮองได้พูดคำสุดท้ายบนโลกนี้ไว้ว่า “ฉ้นรักพระเยซู ฉ้นรักพระเยซู ฉ้นรักพระเยซู” พระคริสตธรรมคัมภีร์กล่าวว่า “ด้วยว่าปากนั้นพูดสิ่งที่มาจากใจ” (มัทธิว 12:34) ในวันที่ 29 มกราคม 2012 ในเช้าวันที่เธอได้จากไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า ผมได้บอกเธอว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะปลอดภัยชั่วนิรันดร์กับองค์พระเยซูคริสต์ ตัวเธอสั่นเทาเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น และผมเห็นได้ชัดว่าเธอพยายามที่จะกล่าวคำที่นำสันติสุขมาให้เธอตลอดเวลาแห่งการเจ็บป่วยของเธอนี้ว่า “ฉันรักพระเยซู” ฮองสิ้นลมในวงแขนของผม โดยที่เธอรู้ว่าเธอปลอดภัยแล้วในอ้อมกอดของพระเยซู และรู้อย่างชัดเจนว่าพระองค์ก็ทรงรักเธอมากเช่นกัน และเธอจะได้อาศัยอยู่กับพระองค์ชั่วนิรันดร์บนแผ่นดินสวรรค์ ที่ซึ่งร่างกายจะไม่มีการเจ็บป่วยทรมานอีกต่อไป 

ฮองแสดงความประสงค์ให้จัดพิธีศพแบบคริสเตียน ณ สถานที่จัดพิธีศพนั้นมีมิตรสหายชาวพุทธหลายคนมาร่วมการเฉลิมฉลองชีวิตของฮองก็ได้มีโอกาสฟังเรื่องราวของพระเยซู พระคัมภีร์กล่าวว่า “ความล้ำลึกแห่งความเชื่อของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่มาก” (1 ทิโมธี 3:16) ผมพบว่าคำกล่าวนี้เป็นความจริงเอามากๆ ผมอาจไม่เข้าใจว่าทำไมพระเจ้าถึงเลือกเอาคนที่ผมรักที่สุดในชีวิตจากผมไปเร็วเกินไปเช่นนี้ แต่ความเชื่อในพระเยซูคริสต์และความล้ำลึกซึ่งสัมพันธ์กับความเชื่อที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่ทำให้แน่ใจว่า แม้ว่าคำขอจะได้รับคำตอบเป็นคำปฏิเสธก็ตาม แต่พระเจ้ายังคงเป็นพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดและเป็นพระเจ้าที่เที่ยงแท้แต่พระองค์เดียว ฮองในฐานะที่เป็นคริสเตียนใหม่ เธอยังสามารถหยิบฉวยคำตอบได้ดีกว่าผมเคยได้ด้วยซ้ำ ผมเองในฐานะที่ถูกเลี้ยงมาในครอบครัวที่พ่อแม่เป็นคริสเตียน ผมเคยคิดว่าคงต้องเป็นผมเองที่ต้องสอนให้ฮองได้รู้จักพระเยซู แต่ตรงกันข้ามกลับเป็นเธอที่สอนให้ผมรู้จักคำว่า “ไว้วางใจในพระเจ้า และมีความเชื่อจริงใจในคำสัญญาของพระองค์” แม้ผมจะเคยได้ยินมาตลอดชีวิตว่า พระเยซูสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้ แต่ผมเพิ่งจะได้มาเห็นในชีวิตของฮองนี่เอง เป็นการเปิดเผยสำแดงให้เห็นต่อหน้าต่อตาผมเลยในบ้านของเรานั่นเอง เธอไม่เคยรู้จักพระเยซูมาก่อนเลยสักนิด แต่บัดนี้พระองค์กลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเธอแล้ว

คำอธิษฐานของผมคือ ขอให้ผมได้รับประสบการณ์ของฮองด้วยเช่นกัน

GATHAN_SIG
(เกทเธน เกรแฮม)

พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ (ยอห์น 3:16)

Music That Speaks Peace to Your Soul